ถ้าคุณกำลังวางแผนจะท่องเที่ยวเมืองกาญจน์
เราขอเสนอสถานที่ที่น่าประทับใจของเมืองกาญจน์...สำหรับคุณและคนที่คุณรัก
ค้นหาที่เที่ยว, ที่ทานอาหาร, ที่พักและกิจกรรมที่คุณชอบที่นี่
พร้อมคำแนะนำจากเพื่อนที่เคยท่องเที่ยวมาแล้ว.


Search Hotels in Kanchanaburi
Destination:
Check in:
Check out:

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อย ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แวดล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาวอยู่โดยรอบ ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง กว้างประมาณ ๘๐๐ เมตร และกำแพงสูง ๗ เมตร มีประตูเข้าออก ๔ ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ ๖ สระ

ปราสาทเมืองสิงห์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของกรมศิลปากรที่ค่อยทำค่อยไปตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๘ แต่มาเริ่มบุกเบิกกันจริงจังเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๐ - ๑๗๘๐) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิตาและยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชาจากศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดย พระวีรกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ จารึกชื่อเมือง ๒๓ เมือง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงสร้างไว้ มีเมืองชื่อ ศรีชัยสิงห์บุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าคือเมือง ปราสาทเมืองสิงห์ นี่เอง และยังมีชื่อของเมือง ละโวธยปุระ หรือ ละโว้ หรือลพบุรี ที่มีพระปรางค์สามยอด เป็นโบราณวัตถุร่วมสมัย
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เมืองสิงห์เป็นเมืองหน้าด่าน รัชกาลที่ ๔ โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ แต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล จึงยุบเมืองสิงห์เหลือแค่ตำบล
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฏชื่อ เมืองสิงห์ ในทำเนียบศักดินาหัวเมือง คงมีแต่ชื่อเมืองศรีสวัสดิ์ เมืองปากแพรกและเมืองไทรโยค รวม3 เมือง จนถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองสิงห์ปรากฏขึ้นในฐานะเมืองหน้าด่านที่เรียกว่า รามัญ 7 เมือง เมื่อ พ.ศ. 2420 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเมือง สิงห์ ทรงบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสไทรโยคว่า"ทางประมาณ 7เส้น 8 เส้น ถึงประสาททิศทั้ง 4 ด้าน ทางที่ไปนั้นเป็นต้นไม้ไผ่ครึ้ม ไมสู้รกนักพอเดิน ทางไปได้ แต่รอบนอกปราสาทนั้น ไม้ขึ้นรกชิดเดินไม่ได้เราเข้าช่องเข้าปรางค์ด้านปีนขึ้นไปตามก้องแลงที่หักลงมา ถึงยอมกลางที่ทลายเป็นกองอยู่ แล้วเลียบไปข้างมุมทิศที่ปรางค์อยู่ยอมหนึ่งแต่ทลายเสียแล้วไม่เห็นว่าอย่างไร ปรางค์ทิศ 4 ทิศรูปร่างเหมือนกับปรางค์ใหญ่ ชักกำแพงแก้วติดกันข้างด้านหน้าสามด้าน ด้านหลังทิศต่อปรางค์ทิศกลาง ทั้งสองข้างนั้นมีหลังคายาวเป็นที่เรือนจันทน์ในร่วมกลางสัก 4 ศอก ที่ปรางค์และกำแพงแก้วเรือนจันทน์ทั้งปวงนี้ก่อด้วยแลงแผ่นใหญ่ๆ"

โบรารสถานเมืองสิงห์ถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่อีกหลายสิบปี จึงได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง โดยศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2501 เป็นต้นมา และในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2530 จึงได้มีการเปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์อย่างเป็นทางการ
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท เปิดให้เข้าชมฟรี ในวันเด็กแห่งชาติ วันอนุรักษ์มรดกไทย (2 เมษายน) และวันเข้าพรรษา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 3452 8456-7

กาญจนบุรี ช่องเขาขาด

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเข้าเป็นพันธมิตรกับเยอรมันได้ทำสงครามกับประเทศต่างๆ ในย่านนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ได้ถล่มประเทศในย่านนี้ยับไปไม่เป็นท่า นอกจากนี้ยังได้สร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนอย่างแสนสาหัส เช่น การบังคับสตรีมาเป็นนางบำเรอให้กับทหารของตน ส่วนผู้ชายก็ถูกบังคับใช้แรงงานอย่างทารุณ
สถานอนุสรณ์ที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศไทยคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ในจังหวัดกาญจนบุรี และมีอีกสถานที่หนึ่งที่คนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ ช่องเขาขาด ซึ่งก็อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีเช่นกัน ช่องเขาขาดเป็นเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า ที่ญี่ปุ่นต้องการสร้างผ่าน และดำเนินการสร้างโดยเชลยศึกชาวออสเตรเลีย และเชลยศึกฝ่ายพันธมิตร เล่ากันว่าช่องทางที่เรียกว่าช่องเขาขาดนี้ ทหารญี่ปุ่นใช้ทหารเชลยเป็นทาสในการก่อสร้างทาง ชีวิตทหารเหล่านั้นล้มตายกันเป็นเบือ เพราะทำงานหนักและโรคภัยไข้เจ็บที่ชุกชุม โดยเฉพาะไข้ป่า ช่องเขาขาดเป็นทางแคบๆ ที่ตัดผ่านเนินเขา มูลดิน ขอบทางรถไฟ และสะพานซึ่งมีอยู่มากมายบริเวณนี้กลายมาเป็นโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานช่องเขาขาด เพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารที่ต้องทุกข์ทรมานเหล่านั้น การตัดทางผ่านภูเขา มูลดิน ขอบทางรถไฟ และสะพานมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทหารญี่ปุ่น
ในการลำเลียงทหารและเสบียงไปช่วยทหารญี่ปุ่นในประเทศพม่า ซึ่งขณะนั้นทหารญี่ปุ่นสามารถตั้งมั่นอยู่ในประเทศพม่าแล้ว การก่อสร้างช่องเขาขาดเริ่มด้วยแรงงานของเชลยศึกชาวออสเตรเลียจำนวน 400 คน และญี่ปุ่นได้เพิ่มเชลยศึกขึ้นอีกเพื่อให้การก่อสร้างสำเร็จตามกำหนด ส่วนทหารเชลยศึกที่เพิ่มเข้ามาส่วนมากยังเป็นทหารชาวออสเตรเลีย และทหารจากสหราชอาณาจักร มีบันทึกว่า บรรดาเหล่าเชลยศึกจะใช้ค้อนหนัก 8 ปอนด์ สว่าน ระเบิด เสียม พลั่ว จอบ และตะกร้าหวายอันเล็กๆ เพื่อขนดินออกไปเททิ้งข้างนอกทาง และพวกเขาทำงานอย่างทรมาน บางคนเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาในที่ทำงาน ในขณะที่ก่อสร้างเส้นทางสายนี้นั้น เป็นช่วงมรสุมที่รุนแรง และการก่อสร้างช่องเขาขาดยังต้องเผชิญกับความกดดันอย่างสูงจากวิศวกรชาวญี่ปุ่น และผู้คุมชาวเกาหลี ที่ได้บังคับให้พวกเขาทำงานวันละ 12-18 ชั่วโมง นับจากเดือนมิถุนายน 2486 จนเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน ระหว่างการสร้างสะพานรถไฟให้เสร็จทันกำหนดนั้น เหล่าทหารเชลยศึกฝ่ายพันธมิตรขนานนามช่องเขาขาดว่าช่องนรกด้วยเหตุที่ผู้คุมชาวญี่ปุ่นบังคับให้นักโทษทำงานในเวลากลางคืน ใช้แสงสว่างจากคบไฟ ซึ่งให้ความรู้สึกว่าที่นี่คือขุมนรกบนโลกจริงๆ ในช่วงที่เร่งสร้างทางรถไฟให้เสร็จตามกำหนดเรียกว่าช่วง สปิโต หรือตอนเร่งรัด ช่องเขาขาดยังเป็นอนุสรณ์สถานที่ทหารญี่ปุ่นกระทำไว้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยากจะมีผู้ลืมเลือน
ช่องเขาขาดตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บริเวณกิโลเมตรที่ 64–65 บนทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ เป็นสถานที่จัดแสดงมินิเธียเตอร์ และรวบรวมข้อมูลภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ระหว่างการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น พิพิธภัณฑ์นี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมืออันทันสมัยให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3453 1347, 0 1754 2098, 0 1814 7564 โทรสาร 0 3453 1347

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี น้ำตกผาตาด

น้ำตกผาตาดแห่งอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เขตอำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่ตกมาจากหน้าผาหินปูนที่สูง ไหลลดหลั่นลงมา เสียงที่มีเอกลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้ ความงามของชั้นหินปูนที่ไม่เหมือนใครและแมกไม้นานาพันธุ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ความน่าเกรงขามในความรู้สึกที่คุณจะได้รับเมื่อได้สัมผัส ผมว่าคุณจะต้องภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้เป็นแน่
ในฤดูฝนเส้นทางเดินจะลื่น คุณควรเดินด้วยความระมัดระวัง และไม่นำอาหารขึ้นไปบริเวณน้ำตก ควรรับประทานอาหารบริเวณที่อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่ไว้เท่านั้น น้ำตกผาตาดเกิดจากลำห้วยกุยมั่ง ไหลลดหลั่นตกลงมาตามหน้าผาหินปูนสูง 30 เมตร มี 3 ชั้น แต่ละชั้นมีขนาดใหญ่และมีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำ มีความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาชนิด มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่น
นอกจากการเที่ยวน้ำตกผาตาดแล้ว บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ศร.4 (ผาตาด) ยังมีบ้านพัก สถานที่กางเต็นท์ ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาและน้ำตก มีห้องน้ำ-ห้องสุขา ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่นิยมการพักแรมกางเต็นท์ และการเดินป่าระยะไกล
การเดินทางสู่น้ำตกผาตาด ให้ขับรถตามทางหลวง 323 จากกาญจนบุรี ผ่านทางแยกเข้าน้ำตกไทรโยคใหญ่ ผ่านแยกเข้าบ้านพุถ่อง จนถึงหลัก กม.ที่105 จะพบทางแยกขวามือเข้าสู่น้ำตกผาตาด ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตรถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.4 (ผาตาด) จากนั้นเดินต่อไปยังน้ำตกอีก 200 เมตร

กาญจนบุรี น้ำตกไทรโยคใหญ

น้ำตกไทรโยคใหญ่หรือน้ำตกเขาโจน แห่งอุทยานแห่งชาติไทรโยค เขตอำเภอไทรโยค กาญจนบุรี(ที่ชื่อเขาโจนเพราะเป็นน้ำที่ตกจากผาลงสู่แม่น้ำแควน้อย) เป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี และเพราะความสวยงามของน้ำตกไทรโยคใหญ่และแม่น้ำแควน้อยนี้เองจึงเป็นที่มาของเพลง”เขมรไทรโยค”ที่อยู่ในใจของคนไทยเราทุกคนจนถึงปัจจุบัน การชมน้ำตกไทรโยคใหญ่ให้สวยที่สุดผมว่าต้องชมจากแม่น้ำแควน้อย โดยต้องลงเรือที่ท่าเรือปากแซง(ใกล้กับน้ำตกไทรโยคน้อย)แล้งล่องทวนน้ำขึ้นมาตามลำน้ำแควน้อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครับ

กาญจนบุรี เขื่อนศรีนครินทร์

เขื่อนศรีนครินทร์อยู่ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี บนเส้นทางเดียวกับที่ไปน้ำตกเอราวัณ ห่างจากน้ำตกเอราวัณ 4 กม.ทางตอนบนของแม่น้ำแควใหญ่ เขื่อนศรีนครินทร์ให้ประโยชน์ในด้านชลประทาน, การผลิตไฟฟ้า, ช่วงลดอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง บนแนวสันเขื่อนเป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกและที่ถ่ายรูปสวยๆมากมายหลายมุม ท่านที่อยากจะสัมผัสความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติต้องไม่พลาด จะรู้สึกได้ว่าชีวิตคนเรานี้เล็กนิดเดียวจริงๆ

กาญจนบุรี Nichigo Resort & Country Club

Nichigo Resort & Country Club
นิชิโก้ รีสอร์ท & คันทรี คลับ กาญจนบุรี ประกอบด้วยห้องพัก 3 ประเภท ได้แก่ Golf view, Deluxe room, Junior suite แต่ละห้อง มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบตามมาตรฐาน เช่น Air-Conditioning, IDD Telephone, Mini Bar, Satellite/Cable TV

ติดต่อ:106 หมู่ 4 ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง กาญจนบุรี 71190
โทร : (66)0-3451-8518, 0-3458-4000 E-mail: info@nichigoresortcc.com

ราคาห้องพัก (พร้อมอาหารเช้า)
Jr.Suite 1,600-2,400 บาท/คืน
Extra Bed 400 บาท/คืน
Deluxe 1,300-1,800 บาท/คืน
Golf View 1,000-1,300 บาท/คืน
Green Fee Special Price (In House Guests/Non-in House Guests)
Low Season (1 Mar.-31 Oct.09)
WeekDay (Unlimited) 600/800 Bath
WeekEnd (Unlimited) 900/1,000 Bath

High Season (1 Nov.-28 Feb.09)
WeekDay (18 Holes) 800/1,000 Bath
Extra (9 Holes) 200/400 Bath
WeekEnd (18 Holes) 1,100/1,200 Bath
Extra (9 Holes) 400/400 Bath
Rental Charge (9 Holes/18 Holes)
Caddy Fee 120/220 Bath
Golf Cart [per person] 300/600 Bath
Golf Cart [two person] 450/900 Bath
Golf Clubs 300/500 Bath
Umbrella 50/50 Bath
Shoes 200/200 Bath

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี Blue Sapphire Golf & Resort

Blue Sapphire Golf & Resort
รีสอร์ทตั้งอยู่ที่ อ.บ่อพลอย กาญจนบุรี สนามกอล์ฟล้อมรอบด้วยทะเลสาบน้ำจืดสีมรกตที่สวยงาม โรงแรมหรูบนเนิน ศูนย์กีฬาทางน้ำ คลับเฮาส์ โปรคลับ ศูนย์สุขภาพ ศูนย์อัญมณี ห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยงและห้องสัมนา พื้นที่ทั้งหมดในรีสอร์ทสามารถเดินทางติดต่อกันด้วยเรือของรีสอร์ท
Blue Sapphire Golf & Resort เป็นสนามกอล์ฟแรกของกาญจนบุรีที่มี 36 หลุม แบ่งเป็นแบบ Canyon Course 18 หลุมและ Ocean Course 18 หลุม พาร์72 ออกแบบโดยคุณอรรถอนันต์ ยมจินดา การเดินทางตั้งต้นจากสี่แยกแก่งเสี้ยน กาญจนบุรี ใช้เส้นทางมุ่งสู่ อ.บ่อพลอย(ทางหลวง3199)ระยะทาง 10 กิโลเมตรจะถึงสามแยกบ้านลาดหญ้าให้เลี้ยวขวา(ทางหลวง3086)อีกประมาณ 32 กิโลเมตร ถึงรีสอร์ทครับ
ค่ากรีนฟี วันเสาร์-อาทิตย์ 1,000-1,500 บาท, วันธรรมดา 600 บาท
ค่าแค๊ดดี้ 18 หลุม 220 บาท, ค่ารถกอล์ฟ 18 หลุม 300-600 บาท
ค่าห้องพักแบบไม่รวมตีกอล์ฟ วันหยุด 1,800 บาท/คืน วันธรรมดา 1,400 บาท/คืน(พร้อมอาหารเช้า)
ค่าห้องพักแบบรวมตีกอล์ฟ วันหยุด 2,800 บาท/คืน วันธรรมดา 2,400 บาท/คืน(พร้อมอาหารเช้า)
อัตราดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ท่านควรตรวจสอบอีกครั้ง
สำนักงานกรุงเทพ โทร.Tel : (+66)0-2235-4560-2 , 0-2236-0481-3 Fax:(+66)0-2236-0480
สำนักงานกาญจนบุรี โทร.(+66)0-3458-1227-30 Fax: (+66)0-3458-1292

กาญจนบุรี Evergreen Hills Golf Club and Resort

Evergreen Hills Golf Club and Resort
รีสอร์ทตั้งอยู่ อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี ท่ามกลางธรรมชาติป่าเมืองกาญจน์และขุนเขา มีที่ประชุมสัมนา สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ แคมป์ไฟ คาราโอเกะ สนุกเกอร์ ห้องพัก 72 ห้อง สนามกอล์ฟ 18 หลุม พาร์ 72
การเดินทางตั้งต้นจากสามแยกหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เส้นทางมุ่งสู่ อ.ด่านมะขามเตี้ย ระยะทาง 23 กิโลเมตรจะพบป้ายรีสอร์ทให้เลี้ยวซ้ายไปทาง หนองตากยา อีก 6 กิโลเมตร รีสอร์ทจะอยู่ทางขวามือ ขับรถอีก 2 กิโลเมตรจะถึง Clubhouse ของรีสอร์ท สำหรับผมบรรยากาศที่นี่น่าจะเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการตีกอล์ฟแบบสบายๆแบบมีสมาธิ และต้องการการพักผ่อนคลายเครียดจริงๆครับ
ค่ากรีนฟี วันเสาร์-อาทิตย์ 1,200 บาท, วันธรรมดา 800 บาท
ค่าแค๊ดดี้ 18 หลุม 220 บาท, ค่ารถกอล์ฟ 18 หลุม 600 บาท
ค่าห้องพักแบบไม่รวมตีกอล์ฟ วันหยุด 1,800 บาท/คืน วันธรรมดา 1,400 บาท/คืน(พร้อมอาหารเช้า)
ค่าห้องพักแบบรวมตีกอล์ฟ วันหยุด 2,800 บาท/คืน วันธรรมดา 2,400 บาท/คืน(พร้อมอาหารเช้า)
อัตราดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ท่านควรตรวจสอบอีกครั้ง
สำนักงานที่กรุงเทพ โทร. 02-941-2801-5 แฟกซ์ 02-941-2810
สำนักงานที่กาญจนบุรีโทร. 081-928-1992, 081-829-7512, 081-210-3828

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี สุสานทหารสัมพันธมิตร

กาญจนบุรีในปี พ.ศ.2486 เมื่อการก่อสร้าง”ทางรถไฟสายมรณะ”แล้วเสร็จ เชลยส่วนใหญ่ถูกส่งตัวกลับไปอยู่ที่ค่ายในประเทศสิงคโปร์ บางส่วนยังถูกคุมขังอยู่ที่กาญจนบุรีเพื่อดูแลทางรถไฟ เมื่อทหารสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดเพื่อทำลายค่ายทหารและสะพาน จึงทำให้เชลยศึกล้มตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ศพของเชลยศึก 16,000 นายหรือมากกว่า 5 เท่า ถูกฝังและจารึกชื่อไว้ 3 แห่งคือ


1.สุสานเมืองทันบีอูซายัคของพม่า
2.สุสานทหารสัมพันธมิตรกาญจนบุรี(ดอกรัก)
3.สุสานสัมพันธมิตรเขาปูน(ช่องไก่)
"สุสานทหารสัมพันธมิตรกาญจนบุรี" บรรจุศพทหาร 6,982 หลุม บนเนื้อที่ 17 ไร่ "สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาปูน" บรรจุศพทหาร 1,750 หลุม มีขนาดเล็กกว่า"สุสานทหารสัมพันธมิตรกาญจนบุรี"

กาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว

กาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแควถือเป็นโลโก้ของจังหวัด สะพานข้ามแม่น้ำแควสร้างโดยกองทัพญี่ปุ่นในสมัยส่งครามโลกครั้งที่สอง เพื่อส่งกำลังทหารญี่ปุ่นจากไทยสู่พม่าได้เร็วขึ้น สะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาวางแผน 3 เดือนและเริ่มต้นก่อสร้างจากปลายทางทั้งสองด้านเข้าพร้อมกันในเดือนตุลาคม พ.ศ.2485และใช้เวลาในการก่อสร้างเพียงปีเดียวก็แล้วเสร็จ ญี่ปุ่นใช้กำลังทหารเชลยศึก 61,000 คนและกรรมกรชาวเอเชีย 270,000 คนในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควแห่งนี้
เพราะเส้นทางรถไฟสายนี้ตัดผ่านป่าทึบและขุนเขาอันทุรกันดาร จากสถานีหนองปลาดุก บ้านโป่ง ราชบุรี ผ่านด่านเจดีย์สามองค์จังหวัดกาญจนบุรี สุดปลายทางที่เมืองทันบีอูซายัคของพม่า ชีวิตผู้คนนับหมื่นจึงถูกสังเวยเพื่อให้การก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดของกองทัพญี่ปุ่น ทางรถไฟสายนี้จึงถูกขนานนามว่า”ทางรถไฟสายมรณะ”

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี ร้านอาหารบนเส้นทาง

การเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ถ้าเส้นทางกรุงเทพฯออกพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.กว่า ขับสบายสบายครับ ขับไป พักไป กินไป ตามสไตล์”หาความสุขตลอดการเดินทาง”ครับ ผมมีร้านอาหารหลายร้านจะนำเสนอ อร่อยได้ใจครับ
1.ร้านบางหว้าขาหมู ร้านนี้มีข้าวขาหมูที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งกลิ่นและรสชาด(รับรองไม่เหมือนใคร) ขับรถตามเส้นทางนครปฐม-ราชบุรี พอออกจากตัวเมืองนครปฐมเล็กน้อย ร้านอยู่ซ้ายมือติด ปัมป์ปตท.(ประมาณ กม.ที่65-66)



2.ร้านไก่ย่างบางตาล(ร้านนี้เปิดขายตามอารมณ์ โชคดีก็จะได้ทานครับ)
ร้านนี้ไก่อย่างอร่อยตามสไตล์ไก่บางตาล รสจัด ไก่รุ่น ข้าวเหนียวหอม (ไม่มีส้มตำนะครับ)และขายหมดเร็วมาก หาไม่ยากครับขับรถจากนครปฐมไปบ้านโป่ง พอข้ามสะพานแยกเข้าบ้านโป่ง-กาญจนบุรี ลงสะพานซ้ายมือ ตรงข้ามปัมป์บางจาก ร้านอยู่หน้าวัดจันทาราม ร้านเล็กๆริมถนนครับ”ไก่ย่างบางตาล”


3.ร้านวรรณไก่ย่าง”บ้านโป่ง”
ร้านนี้ขายไก่ย่างสูตรบางตาล ส้มตำพริกแห้งรสเยี่ยม หมูย่างเนื้อนุ่ม ข้าวเหนียวหอม เป็นร้านเล็กอยู่ในซอยของตลาดบ้านโป่ง เจ้าของชื่อคุณวรรณ คนปิ้งไก่คุณประทีป(สามีแก) คนเสริมอาหารเป็นลูกสาวแก ร้านนี้ช่วยกันขายทั้งครอบครัวน่ารักมากครับ อ้อเกือบลืบครับร้านนี้ได้”เชลล์ชวนชิม”ครับ
คุณขับรถเข้าอำเภอบ้านโป่งต้องข้ามสะพานข้ามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าตัวอำเภอ ถึงหอนาฬิกาเลี้ยวซ้าย ตรงไปก่อนถึงแยกรูปปั้นช้างอาบน้ำ เลี้ยวขวาเข้า"ซอยอนันต์อุทิศ" ร้านอยู่ซ้ายมือครับ
4.ร้านข้าวหมูแดงเฮียจั๊ว(ร้านนี้เก่าแก่มากของบ้านโป่ง)
ร้านนี้ข้าวหมูแดงอร่อยมากๆ อร่อยมานานมากแล้วครับ หมูแดง กุนเชียง หมูกรอบทำเองมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะน้ำราดหมูแดงมีสองแบบ คนดัง ดารา ทั้งไทยเทศรู้จักร้านนี้ดีครับร้านนี้เจ้าของอัธยาศัยน่ารักมาก ไปบ้านโป่งต้องไม่พลาดร้านนี้นะครับ ร้านนี้ขับรถจากตรงร้านวรรณไก่ย่างไปสุดถนนถึงถนนเลียบแม่น้ำ ให้เลี้ยวขวาและเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าซอยติดกัน ชื่อ”ซอยมิตรเสถียร” ร้านอยู่ซ้ายมือ ร้านนี้เชลล์ไม้ได้ชิมครับแต่อร่อยมากขอบอก
5.ร้านข้าวหมูแดงนายบุญเอื้อ(ร้านเปิดได้ไม่นาน แต่รสชาดโดดใจและหาง่ายครับครับเลยดังเร็ว)
ร้านข้าวหมูแดงร้านนี้ผมว่ารสชาดคล้ายร้านเฮียจั๊วครับร้านอยูริมถนนหาง่ายมากครับ พอขับรถเข้าบ้านโป่งถึงหอนาฬิกาให้เลี้ยวขวา(ถนนตรงไปเมืองกาญจน์) ไม่เกิน 100 เมตรร้านอยู่ริมถนนขวามือครับ ถ้า"ร้านเฮียจั๊ว"ปิดก็มาร้านนี้นะครับ


6.ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา(ไม่มีชื่อครับ)
ร้านนี้นอกจากเส้นก๋วยเตี๋ยว นอกนั้นเค้าทำเองทั้งหมดครับ ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ของบ้านโป่งอีกร้านหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นกลา ฮือก๋วย เย็นตาโฟ อร่อยจริงๆ ร้านนี้อยู่ตรงข้ามร้านข้าวหมูแดงนายบุญเอื้อ เลยเยื้องมาเล็กน้อยครับ ร้านนี้เป็นอีกร้านที่คุณไม่ควรพลาดครับ



7.ร้านขนมไทยกัญญา(ร้านเจ๊กัญญา)
ร้านนี้ทำขนมไทยและขายขนมไทยมานานมากแล้วครับ รสดีมาก หอม หวาน มัน อร่อย และสะอาด ร้านนี้ดังมากครับของอำเภอบ้านโป่ง ซื้อทานเอง ซื้อเป็นของฝาก รับรองได้คุณจะไม่ผิดหวัง คุณขับรถเข้าบ้านโป่ง ถึงหอนาฬิกา ขอให้ขับตรงไปทางท่าน้ำ ผ่านสามแยกเล็ก เลยไปอีก 10 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือตรงข้ามตลาดสดเทศบาล ร้านสีชมพูหาง่ายมากครับ (ร้านขนมไทยกัญญา)
8.ร้านกาลิค 2 (ขายพิซซ่าและเสต็คเจ้าแรกในบ้านโป่ง เค้าว่ากันว่าอร่อยที่สุดในเขต7ครับ)
ร้านนี้ขายอาหารฝรั่ง บรรยากาศริมแม่น้ำแม่กลอง อาหารขึ้นชื่อร้านนี้คือพิซซ่าและเสต็คที่ทำใหม่ตามสั่ง รสชาดอร่อยแบบไทยๆ ร้านนี้ถ้าคุณขับรถมาตามถนนนครปฐม-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี พอผ่านสะพานแยกเข้าบ้านโป่ง คุณจะถึงสี่แยกที่เลี้ยวขวาจะไปกาญจนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านโป่ง ตรงไปจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองเพื่อไปราชบุรี ขอให้คุณตรงไปอีก 100 เมตรจากสี่แยก ก่อนข้ามสะพานซ้ายมือให้เลี้ยวซ้าย"ซอยถนนบ้านปากแรต2" เข้าไป20 เมตร ร้านอยู่ขวามือครับ “ร้านกาลิค2”


วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี น้ำตกไทรโยคน้อย

น้ำตกไทรโยคน้อย หรือ "น้ำตกเขาพัง" แห่งอุทยานแห่งชาติไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่เกิดจากน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 เมตรด้านล่างเป็นแอ่งน้ำที่นักท่องเที่ยวนิยมเล่นน้ำกันมาก โดยรอบมีร้านค้าให้เช่าเสื่อนั่งเล่นและขายอาหารพื้นบ้าน สภาพเป็นธรรมชาติแบบไทยๆดี ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเที่ยวชมไม่ขาดสาย สำหรับผู้ที่ชอบการเที่ยวน้ำตกแบบไทยๆต้องไม่พลาด เที่ยวแล้วต้องนึกถึงสมัยเด็กๆที่ไปเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่เป็นแน่
การเดินทางสะดวกมากเพราะอยู่ติดกับถนนสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร จากจังหวัดกาญจนบุรี หรือทางรถไฟ เริ่มต้นจากสถานีธนบุรีไปสิ้นสุดที่สถานีน้ำตก ตำบลท่าเสา ห่างจากตัวน้ำตก ประมาณ 1 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวน้ำตก คือ ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในน้ำตกมีมาก ประมาณเดือนกรกฎาคม – กันยายน

"เก็บมาแต่ภาพถ่ายและความทรงจำดีดี ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า"

กาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ทางทิศตะวันออกของที่ทำการอุทยานฯ น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และงดงามเป็นความภาคภูมิใจที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพืชพันธ์น้อยใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของป่าบ้านเรา
น้ำตกเอราวัณเดิมมีชื่อว่า "น้ำตกสะด่องม่องลาย" ในเทือกเขาสลอบ สายน้ำจะไหลมาตามชั้นหินปูนเป็นระยะทางประมาณ 1,500 เมตร สายน้ำไหลลดหลั่นเป็นเชิงขั้น สลับกับแอ่งน้ำใสสีเขียวมรกต
น้ำตกเอราวัณแบ่งออกเป็น 7 ชั้น น้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า"ไหลคืนรัง" ชั้นที่2 "วังมัจฉา" ชั้นที่3 "ผาน้ำตก" ชั้นที่4 "อกผีเสื้อ" ชั้นที่5 "เบื่อไม่ลง" ชั้นที่6 "ดงพฤกษา" และชั้นที่7 "ภูผาเอราวัณ" โดยเฉพาะชั้นที่ 2 "วังมัจฉา"จะมีสายน้ำตกที่สวยงามที่สุด ชั้นที่ 5 "เบื่อไม่ลง"จะแอ่งน้ำที่ใหญ่น่าประทับ ชั้นที่ 7 "ภูผาเอราวัณ"จะมีก้อนหินเหนือน้ำตกลักษณะคล้ายหัวช้าง และมีปริมาณน้ำมากที่มองเห็นได้จากระยะไกล ปกติเราจะสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมได้แค่ชั้นที่ 2 เท่านั้น ในชั้นนี้ทางอุทยานฯ จึงได้มีการจัดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เรามีโอกาสสัมผัสธรรมชาติจริงๆ สักครั้งในชีวิต แต่ถ้าคิดอยากจะขึ้นไปชมถึงชั้น 7 ชั้นสูงที่สุดต้องใช้เวลาขึ้น-ลงอย่างน้อย 3 ชั่วโมงกว่าๆครับ

อุทยานแห่งชาติเอราวัณอยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี 65 กม. ถนนกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์(ทางหลวง 3199) ถึงกม.ที่ 56 เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ ตรงไปอีก 3 กม.จอดรถแล้วเดินอีก 500 ม.จะถึงน้ำตก
"เก็บมาแต่ภาพถ่ายและความทรงจำดีดี ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า"